กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบบึงแก่นนคร จ.ขอนแก่น1
ตอน กราบสักการะศาลเจ้าแม่สองนาง
ศึกครั้งนั้นพระเอกาทศรถทรงเห็นว่า พระมหาธรรมราชามีพระชนมายุมากแล้ว ด้วยความกตัญญูกตเวที จึงอาสาออกรบแทน เมื่อพระเจ้าชัยเชษฐาธิราชทรงทราบ พระองค์ก็ให้สองนางออกรบแทนพระองค์บ้าง ทัพทั้งสองประชันหน้ากันที่ทุ่งชัยนาท ท้ายหนองหาน เป็นที่ตั้งของอำเภอ สรรพยา ในปัจจุบัน
ในระหว่างที่ประจันหน้ากันอยู่นั้น พระเอกาทศรถ ทรงทอดพระเนตรเห็นสองนาง พร้อมกับตรัสว่า "น้องทั้งสองชื่ออะไร" พระราชธิดาได้แต่สงบนิ่งไม่ตอบ (ทำให้ไม่ทราบชื่อนับแต่นั้นมา) ศึกครั้งนั้นไม่ใข่ศึกรบ แต่เป็นศึกรัก ครั้นต่อมาพระเจ้าเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งล้านช้างได้สวรรคตลง เนื่องจากพระองค์ไม่มีราชบุตรที่จะสืบทอดอำนาจครองเมืองต่อจากพระองค์ จึงถึงจุดหักเหชีวิตของ “เจ้าแม่สองนาง” เมื่อมีเจ้าเมืองคนใหม่ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดา
พระราชธิดาสองนาง ซึ่งทราบต่อมาภายหลังว่าผู้พี่ชื่อ เจ้านางคำหมื่น ผู้น้องชื่อ เจ้านางคำแสน ได้พาพวกพ้องบริวารอพยพโดยใช้ช้างเป็นพาหนะเดินทางมาหาผู้เป็นน้า ผู้เป็นเจ้าเมืองขอนแก่น คือ ท้าวเพียเมืองแพน ผู้ก่อสร้างเมืองขอนแก่น เมื่อมาถึงเมืองขอนแก่น ท้าวเพียเมืองแพนผู้เป็นน้า จึงจัดให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านบึงบอนหรือบ้านเมืองเก่า ริมบึงแก่นนครในปัจจุบัน
เมื่อทั้งสองพระองค์สิ้นพระชนม์ ชาวเมืองขอนแก่นในสมัยนั้น จึงได้สร้างศาลของพระนางขึ้น เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อเคารพสักการะบูชากราบไหว้และขอพรให้ปกป้องคุ้มครองตามความเชื่อของฃาวอีสาน ผู้คนทั่วไปเรียกขนานนามศาลแห่งนี้ว่า “ศาลเจ้าแม่สองนาง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตราบเท่าทุกวันนี้ ศาลเจ้าแม่สองนาง เป็นที่เลื่อมใสศรัทราของชาวเมืองขอนแก่น
ศาลเจ้าแม่สองนาง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรแวะสักการะ สำหรับผู้ที่มาเยือนบึงแก่นนคร จ.ขอนแก่น เพราะเป็นสถานที่ที่ชาวขอนแก่น
ให้ความเคารพนับถือสถานที่หนึ่ง
ศาลเจ้าแม่สองนาง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของบึงแก่นนคร ตัวศาลตั้งอยู่บนเนินที่ไม่สูงมากนักที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และเล็กหลากหลายพันธุ์
สร้างความร่มรื่นให้บริเวณรอบๆศาลเป็นอย่างดีและศาลเจ้าแม่สองนางแห่งนี้ยังเป็นจุดที่มีความสูงที่สุดของบึงแก่นนครอีกด้วย
ประวัติโดยย่อของเจ้าแม่สองนาง และที่มาของการก่อตั้งศาล
เจ้าแม่สองนาง สองนางเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าชัยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้าง (ประเทศลาว) ประสูติในราวพ.ศ. 2104-2105 ตรงกับ ค.ศ. 1561-1562 มีอายุน้อยกว่าพระเอกาทศรถประมาณ 3-4 ปี สองนางเมื่อมีอายุประมาณ 16-17 ชันษา เคยติดตามมากับกองทัพของพระเจ้าชัยเชษฐาธิราช เมื่อครั้งที่พระเจ้าชัยเขษฐาธิราชยกทัพมาท้ารบกับมหาธรรมราชา เพื่อท้าตีกันตัวต่อตัว (ไพร่พลไม่เกี่ยว) เป็นความแค้นส่วนพระองค์ อันสืบเนื่องมาจากพระเทพกษัตรีย์ เป็นด้วยเหตุผลในยุคนั้น เพราะเราเป็นเมืองขึ้นกับพม่าศึกครั้งนั้นพระเอกาทศรถทรงเห็นว่า พระมหาธรรมราชามีพระชนมายุมากแล้ว ด้วยความกตัญญูกตเวที จึงอาสาออกรบแทน เมื่อพระเจ้าชัยเชษฐาธิราชทรงทราบ พระองค์ก็ให้สองนางออกรบแทนพระองค์บ้าง ทัพทั้งสองประชันหน้ากันที่ทุ่งชัยนาท ท้ายหนองหาน เป็นที่ตั้งของอำเภอ สรรพยา ในปัจจุบัน
ในระหว่างที่ประจันหน้ากันอยู่นั้น พระเอกาทศรถ ทรงทอดพระเนตรเห็นสองนาง พร้อมกับตรัสว่า "น้องทั้งสองชื่ออะไร" พระราชธิดาได้แต่สงบนิ่งไม่ตอบ (ทำให้ไม่ทราบชื่อนับแต่นั้นมา) ศึกครั้งนั้นไม่ใข่ศึกรบ แต่เป็นศึกรัก ครั้นต่อมาพระเจ้าเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งล้านช้างได้สวรรคตลง เนื่องจากพระองค์ไม่มีราชบุตรที่จะสืบทอดอำนาจครองเมืองต่อจากพระองค์ จึงถึงจุดหักเหชีวิตของ “เจ้าแม่สองนาง” เมื่อมีเจ้าเมืองคนใหม่ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดา
พระราชธิดาสองนาง ซึ่งทราบต่อมาภายหลังว่าผู้พี่ชื่อ เจ้านางคำหมื่น ผู้น้องชื่อ เจ้านางคำแสน ได้พาพวกพ้องบริวารอพยพโดยใช้ช้างเป็นพาหนะเดินทางมาหาผู้เป็นน้า ผู้เป็นเจ้าเมืองขอนแก่น คือ ท้าวเพียเมืองแพน ผู้ก่อสร้างเมืองขอนแก่น เมื่อมาถึงเมืองขอนแก่น ท้าวเพียเมืองแพนผู้เป็นน้า จึงจัดให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านบึงบอนหรือบ้านเมืองเก่า ริมบึงแก่นนครในปัจจุบัน
เมื่อทั้งสองพระองค์สิ้นพระชนม์ ชาวเมืองขอนแก่นในสมัยนั้น จึงได้สร้างศาลของพระนางขึ้น เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อเคารพสักการะบูชากราบไหว้และขอพรให้ปกป้องคุ้มครองตามความเชื่อของฃาวอีสาน ผู้คนทั่วไปเรียกขนานนามศาลแห่งนี้ว่า “ศาลเจ้าแม่สองนาง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตราบเท่าทุกวันนี้ ศาลเจ้าแม่สองนาง เป็นที่เลื่อมใสศรัทราของชาวเมืองขอนแก่น

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น